HOW TO เปิดร้านกาแฟ ไม่ยากอย่างที่คิด
คนรุ่นใหม่หลายคนคงอยากมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเองสักอย่างที่สามารถสร้างร้ายได้ที่มั่นคงและมีความสุขไปพร้อม ๆ กันได้ และการ เปิดร้านกาแฟ ก็เป็นหนึ่งในธรกิจยอดฮิตตลอดกาล เพราะได้รับอิทธิพลจากร้านกาแฟดังจากต่างประเทศ ที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ทำให้ในปัจจุบันมีร้านกาแฟเปิดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ก็มีหลายร้านที่ต้องปิดตัวลงไปเนื่องจากมีผู้แข่งขันในตลาดจำนวนมาก คนที่จะอยู่รอดได้ในธุรกิจนี้จะต้องมีการเตรียมตัวที่ดี ทำการบ้านมามากพอ และสามารถพยายามปรับตัวให้ทันยุคสมัย แต่อย่ากลัวว่าการที่มีร้านกาแฟเกิดขึ้นเยอะแบบนี้แล้วจะทำให้เราต้องเลี่ยงที่จะไม่ลงแข่งขัน เพราะถ้าหากเปรียบเทียบแล้วก็เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยว หรือร้านข้าวแกงที่มีอยู่ทั่วไป ร้านไหนทำได้อร่อยก็อยู่รอด แต่ปัจจุบันร้านกาแฟจะแข่งกันที่บรรยากาศของร้านและรูปร่างหน้าตาของกาแฟและขนมที่แปลกตามากกว่ารสชาติที่แตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างดีกับดีเยี่ยม แต่หากถามว่าถ้าให้เลือกทำธุรกิจอะไรสักอย่าง หากจะเลือกร้านกาแฟ ก็ไม่ผิดในตอนนี้ ถ้าคุณคิดว่าคุณมีความสุขกับการได้ดื่มกาแฟ และมีความสุขกับมัน
1. สำรวจความพร้อมก่อนเปิดร้าน
ต้องถามตัวเองว่าพร้อมหรือไม่ที่จะทุมเทกับร้านกาแฟของคุณ ทั้งเรื่องของเวลา เงิน และแรงงานที่จะลงทุนไป เพราะร้านกาแฟร้านหนึ่งต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ตั้งแต่ ณ วันแรกที่คิดจะทำ ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดร้าน การคิดค้นสูตร การตกแต่งร้าน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การดีลกับลูกค้าหรือซัพพลายเออร์ เพื่อที่จะทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกสบายใจ ทำให้การเข้ามาใช้บริการในร้านกาแฟของคุณกลายเป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่น่าประทับใจของลูกค้าทุกคนนั่นเอง
2. ศึกษาข้อมูลให้มากที่สุด
การหาข้อมูลอย่างรอบด้านนั้นสำคัญมากไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร โดยอาจจะหาผ่านทางเว็บไซต์หรือหนังสือต่าง ๆ รวมถึงลงเรียนชงกาแฟกับบาริสต้ามืออาชีพสัก 2-3 คอร์ส ก่อนเปิดร้าน และใช้โอกาสนี้ในการพยายามหาข้อมูล ถามคำถามที่อยากรู้ไว้ให้มากที่สุด และอย่าพลาดที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนบาริสต้าหรือเจ้าของร้านคนอื่น ๆ ไว้ด้วยเพื่ออนาคตอาจจะได้ช่วยเหลือกันทางใดทางหนึ่ง รวมถึงมองหาแหล่งซื้อวัตถุดิบที่มีราคาสมเหตุสมผล และมีของพร้อมใช้งานเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้าหมดกลางทาง สุดท้ายนี้ก็ต้องอย่าลืมที่จะวางแผนธุรกิจและการตลาดพื้นฐานเตรียมไว้ด้วยเช่นกัน เพราะรสชาติที่อร่อยไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ในครั้งแรกที่เหน แต่การจัดร้าน การถ่ายรูป การทำโปรโมชันก็เป็นตัวที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายที่สุดในครั้งแรก
3. การมองหาทำเลทองคำ
ปัจจัยสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่จะตัดสินการอยู่รอดของร้านกาแฟก็คือ ทำเล ไม่ใช่ว่าจะสุ่มสี่สุ่มห้าเปิดร้านกาแฟที่ไหนก็ได้เพราะอาจะเกิดหายนะที่กลุ่มลูกค้าในบริเวณนั้น ไม่เข้าร้านเลย ควรเลือกอย่างรอบคอบและไตร่ตรองให้มาก ๆ ว่าลูกค้าเราคือใครและอยู่บริเวณใด ร้านเราสามารถตอบโจทย์ของกลุ่มลูกค้าในบริเวณนั้นได้หรือไม่ ซึ่งทำเลทองหลัก ๆ ที่ชาวกาแฟเลือกมองเป็นที่แรก ๆ ก็คือ ปั๊มน้ำมัน อาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย รวมถึงอเวนิวต่างที่คนมักจะไปนั่งทำงาน เช่น ย่านอารีย์ สุขุมวิท ทองหล่อ เป็นต้น ทั้งนี้สถานที่ดังกล่าวอาจจะดี แต่ต้องแลกกับค่าเช่าที่จะราคาสูงขึ้นนั่นเอง สิ่งที่ต้องมั่นใจว่าร้านตัวเองนั้นจะอินดี้พอจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เสพติดความแปลกใหม่
4. อุปกรณ์ประจำร้าน
หลายต่อหลายคนหมดค่าใช้จ่ายไปกับการซื้อเครื่องชงกาแฟหลักแสนแต่อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์กับเมนูหรือกลุ่มลูกค้าที่เข้ามา ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าเราจะขายเมนูอะไร และขายให้ใครทาน เราก็จะสามารถหาอุปกรณ์ชงกาแฟในเรทที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่ากับการใช้งานได้นั่นเอง เพราะอย่าลืมว่าอุปกรณ์ทุกอย่างมีวันเสื่อมสภาพ ดังนั้นไม่ใช่แค่การกัดฟันลงทุนซื้อของแพงครั้งเดียวแล้วจบ แต่ยังตามมาด้วยค่าดูแลซ่อมบำรุงและเปลี่ยนเครื่องใหม่อีกในอนาคต วิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟที่ดีที่สุดเลือกให้เหมาะกับขนาดธุรกิจ และกลุ่มลูกค้า เช่นจะขายสักแก้วละ 30 – 35 ก็เครื่องชงสัก 5 หมื่นก็พอโอเค ถ้าจะขายราคา 100 บาทขึ้นไปก็สามรถจัดเครื่องราคาหลักแสนแสนได้เลย ทั้งนี้ราคาอุปกรณ์อาจไม่ได้หมายถึงค่าเครื่องชงกาแฟอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงแก้ว ชาม หลอด ช้อนส้อม ไปจนถึงโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องและระบบ POS ด้วย
5. เตรียมแผนธุรกิจร้านกาแฟ
หลายต่อหลายคนทำธุรกิจโดยไม่เห็นความสำคัญกับการวางแผน เพราะคิดว่าแค่ชงกาแฟเป็น ชงอร่อย ทำเลดี ก็น่าจะขายได้แล้วตามการบอกกล่าว ของคนขายกาแฟทั่วไป พอเปิดร้านจริงปัญหาร้อยแปดจะมาในทันที ถ้ามีงานประจำอยู่บอกได้เลยว่าเตรียมวันพักร้อนให้พอ หรืออาจจะต้องเลือกด้วยซ้ำว่าจะเลือกอะไรระหว่างงานประจำหรือร้านของตัวเอง ถ้าไม่ทำงานอื่นที่ต้องรับผิดชอบก็เฝ้าร้านรอแก้ปัญหาเลย ขนาดคนอื่นที่วางแผนการทำธุรกิจไว้แล้วยังต้องปวดหัวเลยแล้วถ้าคุณไม่วางแผนไว้หละ ปัญหาจะมาร้อยเท่าพันเท่าเลย ดังนั้น การวางแผนธุรกิจ ก็คือการวางแผนว่าจะขายใคร จะมียอดขายสักเท่าไหร่ที่ตนเองจะต้องการ เพื่อที่จะพอจ่ายค่าเช่าร้านและเกิดกำไร จะหาเม็ดกาแฟจากที่ไหน จะขายราคาเท่าไหร่ จะมีขนมอะไรบ้างที่ดึงดูดลูกค้า จะสร้างโปรโมชั่นแบบไหน ควรจะมีเด็กในร้านกี่คน ภายในร้านควรมีอะไรบ้าง จะติดอินเตอร์เน็ท ให้บริการฟรีหรือเก็บค่าบริการต่อการใช้ เรื่องเหล่านี้จะถูกเขียนไว้ล่วงหน้าทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ การวางงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดในแต่ละวัน อาจจะต้องหาผู้ช่วยหรือระบบที่สามารถช่วยบันทึกและคำนวนการขายได้ อย่างเช่นระบบร้านอาหารหรือกาแฟ และก็เรื่องจะหาเงินจากไหนมาหมุนให้ธุรกิจกาแฟอยู่ต่อไปได้
และที่สำคัญที่สุด ในโลกใบนี้มีคนที่อยากทำโน่นทำนี่มากมายแต่มีคนที่สนใจจะทำหรือลงมือในวันนี้แค่ 40 เปอร์เซ็นต์ เห็นจะได้ เพราะคิดว่าตนไม่พร้อม อยู่ตลอดเวลา บางคนก็รอให้พร้อมมีเงินเก็บมากมายก็อายุปาไปแล้ว 50 – 60 ปี แต่รู้ไหมว่า ถ้าทำผิดพลาดแล้วตอนนั้นนะมันลำบากมากมาย ถ้าในวันนี้ยังมีแรงกาย แรงใจ และแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการเต็มที่ก็ลองสำรวจตัวเองและลงมือเลย เพื่อตามความฝันของคุณให้เป็นจริง แต่ถ้าต้องการตัวช่วยในการบริหารจัดการร้านอย่างมีประสิทธิภาพ FoodStory POS ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะทำหน้าที่หลาย ๆ อย่างแทนคุณได้ เช่น รายงานยอดขาย อัพเดตสต๊อกวัตถุดิบ ไปจนถึงทำระบบสมาชิกสะสมแต้มผ่าน FoodStory CRM เพื่อสร้างฐานลูกค้าและเปลี่ยนขาจรให้เป็นขาประจำได้นั่นเอง
#บริหารร้านอย่างมืออาชีพง่ายๆด้วยiPad #FoodStory #POS #RestaurantManagement #โปรแกรมร้านกาแฟ #ระบบร้านกาแฟ #บริหารร้านกาแฟ #ครบครันร้านกาแฟ#ควบคุมต้นทุนอาหาร #Buffet #CoffeeCafe #FoodTruck #โปรแกรมร้านอาหาร
อ้างอิง / ข้อมูลจาก brarista.wordpress.com
ร้านอาหารที่ดี ต้องเริ่มจากระบบที่ดี FoodStory POS
✅ ทดลองใช้ระบบฟรี: คลิกที่นี่
โทร: 065-513-7744 กด 1
LINE: https://lin.ee/zAdDsCr