เจ๊งแน่! ถ้าหาก เปิดร้านบุฟเฟ่ต์ แล้วไม่ทำ 6 สิ่งนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ร้านบุฟเฟ่ต์

เจ๊งแน่! ถ้าหาก เปิดร้านบุฟเฟ่ต์
แล้วไม่ทำ 6 สิ่งนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ร้านบุฟเฟ่ต์ ร้านยอดฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่ ที่ใคร ๆ ก็ชอบความคุ้มค่าคุ้มราคา รวมไปถึงการเลือกอาหารได้หลากหลายตามใจชอบโดยที่จ่ายราคาเดียว ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากหันมาทยอย เปิดร้านบุฟเฟ่ต์ กันเป็นจำนวนมาก โดยที่หลาย ๆ ร้านก็โด่งดังมีชื่อเสียง เป็นที่ฮือฮาสำหรับสายกิน แต่ก็ยังมีหลากหลายร้านที่เปิดตัวมาแล้วหายเงียบไปตามกาลเวลา อะไรเป็นเคล็ดลับในการอยู่รอดของกิจการประเภทนี้ บทความในวันนี้จะมาแชร์ 6 สิ่งที่เจ้าของกิจการร้านบุฟเฟ่ต์ควรทำ เพื่อดึงลูกค้าให้อยู่หมัด

เปิดร้านบุฟเฟ่ต์

1.วัตถุดิบ ที่มาของความอร่อย

ใจกลางของความอร่อยของอาหารทุกชนิด ส่วนหนึ่งมาจากวัตถุดิบ การคัดสรรวัตถุดิบที่ดี สะอาด นอกจากจะทำให้อาหารที่ทานมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่มาทานได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถชูจุดเด่นของวัตถุดิบที่เรามีในการดึงลูกค้าให้สนใจมาใช้บริการได้ตัวอย่างเช่น การมีเนื้อวากิวออสเตรเลียลายสวยคุณภาพดีเป็นจุดชูโรง รวมไปถึงมีเนื้ออื่นๆ ที่น่าสนใจ ส่วนผู้ที่ไม่ทานเนื้อก็ยังมี หมู, ไก่ รวมไปถึงซีฟู้ด ให้สามารถเลือกทานกับเพื่อนฝูง หรือจะครอบครัว ก็สามารถทานได้อย่างมีความสุข แถมกระตุ้นความอยากทานให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

ร้านบุฟเฟ่ต์

2.พนักงาน อีกหนึ่งหัวใจหลักของธุรกิจร้านอาหาร

สิ่งหนึ่งที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับร้านบุฟเฟต์เลยก็คือพนักงาน ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านบุฟเฟ่ต์แบบบริการตัวเองก็ตาม พนักงานก็ยังถือเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจร้านอาหาร ถ้าพนักงานได้รับการดูแลที่ไม่ดี หรือขาดมาตรการในการบริการ ก็สามารถทำให้ร้านเสียลูกค้าได้ รวมไปถึงการเสียชื่อเสียงของร้านจากการโดนรีวิวในแง่ลบได้เลยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่จะทำให้พนักงานเต็มที่กับการดูแลลูกค้า และการจัดเตรียมของต่าง ๆ ภายในร้าน ผู้ประกอบการจะต้องมีการดูแลสวัสดิการต่าง ๆ และค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล รวมไปถึงการเทรนนิ่งมาตรฐานการทำงานต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการได้อย่างเต็มที่ด้วยความพึงพอใจ ส่งผลให้เกิดความอยากกลับมาใช้บริการซ้ำอีกเรื่อย ๆ นั่นเอง

ร้านบุฟเฟ่ต์

3.แผนสำรองรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ

การทำสิ่งใดด้วยความมุ่งมั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีแผนสำรองรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องของวัตถุดิบที่ขาดแคลน หรือวัตถุดิบที่เราเลือกใช้เกิดขึ้นราคาอย่างหนัก รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่อาจะเกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น สถานการณ์โควิดที่ผ่านมา หากเรามีแผนสำรองในการดำเนินธุรกิจ และปรับตัวกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ กันไว้ดีกว่าแก้ย่อมดีกว่าเสมอในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนั้นใครที่กำลังคิดจะ เปิดร้านบุฟเฟ่ต์ ก็อาจจะต้องลองมองให้กว้างมากขึ้นว่าในวัตถุดิบและแรงงานที่เรามีอยู่นั้น สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นสินค้าหรือบริการอะไรได้บ้าง เช่น สามารถจัดเซ็ตสำหรับ Delivery ได้หรือไม่ หรือวัตถุดิบบางอย่างสามารถแบ่งขายกลับบ้านได้ไหม เป็นต้น

ร้านบุฟเฟ่ต์

4.การตลาดดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

หากวัตถุดิบเราดีแล้ว พนักงานเรายินดีปรีดาพร้อมที่จะให้การบริการอย่างเต็มที่ รวมไปถึงมีแผนสำรองในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เพียบพร้อม แต่ขาดการทำการตลาดที่ดี ก็ทำให้กิจการบุฟเฟ่ต์ของเราไปต่อได้ยาก เพราะไม่มีใครรู้จัก หรือไม่มีใครรู้ว่าของเราดีนั่นเอง ดังนั้นการทำการตลาด ทั้งในส่วนของออฟไลน์ หรือการตลาดออนไลน์ ในช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็ล้วนสำคัญและส่งผลให้ลูกค้ารู้จักเรามากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่ามีของดีก็ต้องนำออกมาโชว์ให้ผู้คนรับรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รู้จัก และสร้างความสนใจในการเข้ามาลองทานบุฟเฟ่ต์ของเรา

เปิดร้านบุฟเฟ่ต์

5.ลูกค้าเก่าก็สำคัญไม่แพ้กัน

การมีลูกค้ามากหน้าหลายตามาลองทานเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่มีลูกค้าเก่ามาทานซ้ำ ก็ย่อมดียิ่งกว่า เพราะหมายความว่าเค้าติดใจในการบริการ รวมไปถึงรสชาติของร้านเรา ดังนั้นลูกค้าเก่าเราก็จะต้องดูแลอย่าปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด การจูงใจลูกค้าให้ติดใจในการใช้บริการ นอกจากเรื่องรสชาติและการบริการแล้ว ระบบต่าง ๆ ภายในร้านก็มีส่วนช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความสะดวก เช่น การที่ลูกค้าสามารถสั่งออเดอร์เองผ่านโทรศัพท์ ช่วยป้องกันการตกหล่นของอาหาร และลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอเรียกพนักงานที่กำลังปฏิบัติงานต่างๆ อยู่เพื่อสั่งออเดอร์ โดยสามารสั่งได้ทันที ประหยัดเวลา และลดต้นทุนในส่วนของกระดาษและปากกาในการจดออเดอร์ รวมไปถึงลดความเสี่ยงในการที่ใบออเดอร์จะปลิวหายไปอีก แค่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการสั่งออเดอร์ ก็มีส่วนช่วยในการจูงใจลูกค้าให้ติดใจในการใช้บริการของทางร้านได้แล้ว

ระบบจัดการร้านอาหาร

6.มีระบบจัดการที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

การมีระบบต่าง ๆ ที่จะมาช่วยอำนวยความสำดวกทั้งลูกค้า และพนักงาน สามารถช่วยลดขั้นตอนในการทำงานภายในร้านอย่างระบบไม่ว่าจะเป็นการรันคิวลูกค้า การจับเวลา การแยกประเภทแพคเกจบุฟเฟ่ต์ การรับออเดอร์ หรือแม้กระทั่งการที่ลูกค้าสามารถสั่งอาหารด้วยตัวเอง (ช่วยลดแรงงานพนักงานได้)

FoodStory POS สามารถเข้ามาช่วยบริการจัดการร้านบุฟเฟ่ต์ หรือร้านอาหารอื่น ๆ ในส่วนของการบริการลูกค้า การวางกลยุทธ์ในการจัดทำโปรโมชั่น รวมไปถึงการวิเคราะห์คลังวัตถุดิบต่างๆ และยังช่วยทำงานแทนในส่วนของพนักงานได้หลาย ๆ จุดอีดด้วย ช่วยเพิ่มการจัดการให้มีประสิทธิภาพ และสะดวกมากยิ่งขึ้น จะมีสาขาเดียว หรือจะมีหลายสาขา แค่มีไอแพด หรือคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ผู้ประกอบการก็สามารถบริหารได้ง่ายสุดๆ ระบบต่าง ๆ ที่น่าสนใจสำหรับ FoodStory POS เช่น

  • Mobile Order ตัวลูกค้าสามารถสั่งออเดอร์ต่างๆ ได้เองผ่านโทรศัพท์มือถือส่วนตัว เพื่อลดเวลาในการรอเรียกพนักงานเพื่อสั่งอาหาร
  • FoodStory Staff ตัวพนักงานสามารถรับออเดอร์ตรงผ่านโทรศัพท์ส่วนตัวของพนักงาน เพื่อลดปัญหาการจดออเดอร์ไม่ทัน หรือใบออเดอร์ลูกค้าตกหล่น
  • Inventory Management จัดการต้นทุน ทั้งต้นทุนจริง (Actual Cost) และ ต้นทุนต่อจาน (Ideal Cost), กำไรของแต่ละเมนู รวมไปถึงอัปเดตสต็อกสินค้าต่างๆ
  • Queue Management ตัวช่วยในการรันคิวลูกค้า ต่อให้ลูกค้าจะเข้าพร้อมกันหลายๆกลุ่ม ก็สามารถช่วยบริหารจัดการได้อย่างทันท่วงที
  • ระบบจับเวลาที่แม่นยำ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะระบุเวลาการเข้า และการหมดเวลาอย่างชัดเจน พนักงานก็จะเหนื่อยน้อยลงอีกด้วย

เคล็ดลับความสำเร็จ อยู่ที่ตัวช่วยที่ดี การมีระบบที่ช่วยเราได้หลายอย่าง ทั้งลดต้นทุน และช่วยให้การบริหารร้านบุฟเฟ่ต์ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็อย่าลืมที่จะคัดสรรวัตถุดิบที่ดี, รักษาพนักงานให้สามารถบริการได้อย่างเต็มที่, เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้, ทำการตลาดดึงให้คนมาสนใจ และรักษาลูกค้านั้น ๆ ให้ติดใจกลับมาใช้บริการของเราอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญอย่าลืมตัวช่วยที่จะทำให้ทุกอย่างดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่าง FoodStory POS เท่านี้ คุณก็สามารถ เปิดร้านบุฟเฟ่ต์ ให้ประสบความสำเร็จและไม่จมหายไปตามกาลเวลาได้นั่นเอง

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการจัดการร้านอาหาร สามารถลงทะเบียนเพื่อติดต่อรับคำปรึกษาการใช้งานระบบ FoodStory POS และ Wongnai POS ได้ที่นี่เลย! 


ระบบจัดการร้านอาหาร

FoodStory POS

ร้านอาหารที่ดี ต้องมีระบบที่ดีไปพร้อมกัน

ทดลองใช้ระบบฟรี: คลิกที่นี่เลย!

คลิกเพื่อโทรติดต่อฝ่ายขาย

LINE: https://lin.ee/zAdDsCr

เคล็ด(ไม่)ลับ เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ บริหารอย่างไรให้ไม่ขาดทุน แถมกำไรพุ่ง!

เคล็ด(ไม่)ลับ เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์
บริหารยังไงให้ไม่ขาดทุน แถมกำไรพุ่ง!

หนึ่งในเทรนด์ร้านอาหารมาแรงไม่แพ้คาเฟ่คงต้องยกให้ ‘ร้านบุฟเฟ่ต์’ อิ่มคุ้มอร่อยครบจ่ายจบลูกค้าฟินจุก ๆ แต่ผู้ประกอบการก็อาจจุกได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าไม่มีการบริหารร้านบุฟเฟ่ต์อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้ FoodStory POS เลยขอมาแชร์เคล็ด(ไม่)ลับ กับ การ เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ บริหารอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจในความคุ้ม แต่ไม่ขาดทุน แถมกำไรพุ่งได้อีก!

เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ FoodStory POS

1) บริหารร้านบุฟเฟ่ต์ทั้งเมนูและค่าใช้จ่ายแบบรายวัน

จุดเด่นของการบริหารร้านบุฟเฟ่ต์คือ สามารถวางแผนและปรับเปลี่ยนเมนูได้แบบวันต่อวัน (กว่า 35-60% ของรายจ่ายแต่ละวันมาจากต้นทุนอาหาร) หากเมนูไหนไม่โดนใจก็เปลี่ยนได้ หรือหากเมนูไหนอยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตราคาไม่สูง ก็น่าหยิบมาวางให้ลูกค้าได้เลือกทานสลับกับเมนูอื่นได้เหมือนกัน เพราะงั้นเรื่องบริหารการตัดต้นทุนให้ทุกเมนูในแต่ละวัน รวมกันแล้วสามารถสร้างกำไรได้คงไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีระบบ FoodStory POS หรือทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายเป็นประจำ ป้องกันการรั่วไหลของต้นทุน และสอดคล้องกับจำนวนลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาอุดหนุน

บริหารร้านบุฟเฟ่ต์ให้ไม่ขาดทุน

2) วางมาตรการลดโอกาสสิ้นเปลือง

เมื่อลูกค้าก้าวเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ สิ่งที่พวกเขาคิดคือ วันนี้จะเอาชนะร้านบุฟเฟ่ต์ให้ได้หลังจากไม่ได้แวะมานาน แต่บางครั้งก็วางแผนพลาดไปนิดทำให้ตักหรือสั่งอาหารมาเหลือทิ้ง หากบริหารร้านบุฟเฟ่ต์ไม่ดี ขาดมาตรการจัดการลูกค้าที่สั่งอาหารแล้วเหลือทิ้งก็จะสร้างภาระให้ทางร้านมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการสิ้นเปลืองงบและอาหาร (ไม่ใช่แค่เคสเดียวแน่นอน), การกำจัดขยะเหลือทิ้ง ไปจนถึงการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะงั้นเลยอาจวางมาตรการลดโอกาสเกิดการสิ้นเปลืองอาหารเหลือทิ้ง เช่น หากสั่งมาเหลือทิ้งต้องจ่ายค่าปรับ, ให้บริการแบบสั่งแล้วใส่แบบพอดีคำในแต่ละถาดประมาณ 3-5 ชิ้น เป็นต้น

บริหารร้านบุฟเฟ่ต์ให้ไม่ขาดทุน

3) ลดต้นทุน แต่ไม่ลดคุณภาพ

อย่ายึดติดกับคำว่า ลดต้นทุน จนทำให้คุณเผลอตัดคุณภาพตามไปด้วย เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่า ขาดทุน (ทั้งที่เหตุผลในการเลือกมาร้านบุฟเฟ่ต์ของลูกค้าคือ คุ้มค่า ให้เลือกหลากหลาย อยากกินต้องได้กิน!) จะสังเกตได้ว่า สมัยนี้มีร้านบุฟเฟ่ต์ให้เลือกเยอะมาก หลากหลายราคาตั้งแต่ไม่ถึงร้อยไปจนถึงหลักพัน แต่ถึงบางร้านจะมีค่าบริการราคาสูงก็ยังมีคนนิยมทานกันจนแน่นร้าน เพราะกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังการซื้อ ตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงานที่มีกำลังซื้อนิยมทานบุฟเฟ่ต์ที่มีคุณภาพมากกว่าราคาถูกอย่างเดียว แต่คุณภาพด้อยกว่าจนรู้สึกทานแล้วไม่คุ้ม

บริหารร้านบุฟเฟ่ต์ให้ไม่ขาดทุน

4) วัตถุดิบราคาแพงให้วางด้านในหรือเติมเฉพาะช่วงเวลาพิเศษ

ด้วยความที่การบริหารร้านบุฟเฟ่ต์จะเป็นลักษณะการผสมผสานระหว่างของราคาแพงบ้าง ถูกบ้างสลับกันไปแล้วมาเฉลี่ยหากำไรกันอีกครั้ง ในส่วนของวัตถุดิบราคาแพงที่เอามา กระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร้านอาจวางไว้ด้านในสุดให้ลูกค้าไล่เรียงหยิบคละกันไปแทนที่จะมุ่งตรงมาหาของแพงเพียงอย่างเดียว หรือหากมีจำนวนจำกัดจริงๆ อาจเติมเฉพาะช่วงเวลาพิเศษมีการเติมสต๊อกลงพื้นที่ให้ตักเป็นรอบแทนการวางติดกับถาดให้เติมได้ตลอดก็จะลดต้นทุนวัตถุดิบลงได้อีกเล็กน้อย

บริหารร้านบุฟเฟ่ต์ให้ไม่ขาดทุน

5) ให้บริการน้ำเปล่าฟรีและหมั่นให้บริการเติมแก้วตลอด

สำหรับลูกค้าเวลาทานอาหารปริมาณมากจะต้องดื่มน้ำลดอาการฝืดคอ ซึ่งเป็นผลดีกับการบริหารร้านบุฟเฟ่ต์ เพราะระหว่างที่จิบน้ำลูกค้าจะรู้สึกอิ่มไวมากขึ้น อีกหนึ่งเคล็ด(ไม่)ลับที่ FoodStory อยากแนะนำคือ ให้บริการน้ำเปล่าฟรีแล้วหมั่นเติมน้ำลงแก้วลูกค้าตลอด ก็จะช่วยให้ลูกค้าทานในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายไม่อัดหรือแน่นจนเกินไป และค่าใช้จ่ายน้ำเปล่าสะอาดที่ติดตั้งเครื่องกรองน้ำภายในร้านอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มต้นทุนเยอะแต่อย่างใด

เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ FoodStory POS

6) เก็บข้อมูลการบริโภคของลูกค้าแล้วมาปรับแผนตลอด

การบริหารบุฟเฟ่ต์อาจคาดเดาะไม่ได้ว่า แต่ละวันลูกค้าจะทานอะไร อย่างไร จำนวนเท่าไหร่บ้าง แต่การเก็บข้อมูลสมาชิก การบริโภค สต๊อกวัตถุดิบภายในร้าน และอื่นๆ ทั้งหมดจะทำให้มีคลังข้อมูลขนาดใหญ่เพียงพอกับการนำไปประมวลผลวิเคราะห์ก่อนจะนำมาปรับแผนการคัดสรรวัตถุดิบ พนักงาน และการให้บริการแบบเรียลไทม์ได้ทุกวัน เหมาะกับการพัฒนาการให้บริการภายในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์สุด ๆ

บริหารร้านบุฟเฟ่ต์ให้ไม่ขาดทุน

7) ให้บริการอย่างรวดเร็วทันใจ

ไม่ว่าจะร้านอาหารทั่วไป คาเฟ่ หรือแม้แต่การบริหารร้านบุฟเฟ่ต์ก็ตาม การให้บริการอย่างรวดเร็วทุกขั้นตอนตั้งแต่ลูกค้าเดินเข้าร้าน รับออเดอร์ เสิร์ฟ ไปจนถึงชำระเงิน จะช่วยลดเวลา และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากที่นั่งว่างเหล่านั้น แทบทุกร้านเลยกำหนดให้ลูกค้าสามารถเลือกทานอาหารตามแพ็กเกจได้ในระยะเวลาจำกัด (รวมถึงอบรมให้พนักงานต้องทำงานแบบมีประสิทธิภาพ ด้วยความรอบคอบ และรวดเร็วเท่าที่จะทำได้)

นอกจากเคล็ด(ไม่)ลับเกี่ยวกับการ เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ แล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ ‘ตัวช่วยร้านอาหาร FoodStory POS’ จัดการง่ายทุกยอดขาย รับชำระเงินสบายหลายช่องทาง บริหารคลังวัตถุดิบและตรวจสอบพนักงานอย่างมืออาชีพ ครอบคลุมรายงานการขายและข้อมูลเชิงลึก รวมทั้งหมดกว่า 500 ฟีเจอร์ เพื่อยกระดับการให้บริการร้านอาหารโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีการปรับระบบให้รองรับการบริหารร้านบุฟเฟ่ต์มากขึ้น เช่น


เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ FoodStory POS

  • มีระบบ Inventory ที่ช่วยจัดการสต็อกได้อย่างละเอียด สามารถเปิดใบ PR PO GR และตัดสต๊อกได้อย่างแม่นยำ
  • ระบบ POS จัดการร้านค้า ให้บริการสะดวกด้วย iPad สูงสุด 5 เครื่อง
  • ลูกค้าสามารถใช้ Mobile Order สแกนสั่งอาหารเองได้เพื่อประหยัดเวลาและรวดเร็ว
  • พนักงานสามารถใช้ Mobile Staff ( Android ) รับออเดอร์เอง เปิดโต๊ะเอง สั่งอาหารเองได้
  • ระบบจัดรูปแบบโต๊ะภายในร้านตาม Layout จริง เพื่อลดข้อผิดพลาด
  • ระบบจัดการเปิด-ปิด เมนูได้แบบเรียลไทม์
  • ระบบจัดการคิว และระบบจับเวลาเข้ารับบริการ
  • ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มและย่อได้อย่างง่ายดาย
  • รองรับการชำระเงินหลากหลายช่องทาง ทั้งเงินสด บัตรเครดิต และการสแกน QR Code จากสมาร์ทโฟน
  • ระบบรายงานยอดขายและผลเชิงลึก สามารถวิเคราะห์ต่อยอดธุรกิจ สร้างยอดขายและกำไรมากขึ้น

เปิดร้าน บุฟเฟ่ต์ ในยุคปัจจุบัน อาจจะพบเจอปัญหาในเรื่องของต้นทุน ค่าใช้จ่าย ที่เป็นยอดค่อนข้างสูง FoodStory POS สามารถช่วยลดต้นทุน ลดความผิดพลาด ในการรับออเดอร์ได้ด้วยระบบสแกนสั่งอาหาร Mobile Order ที่จะช่วยให้พนักงานเหนื่อยน้อยลง และประหยัดเวลาในการรับลูกค้าอีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวช่วยในการจัดการร้านอาหาร สามารถลงทะเบียนเพื่อติดต่อรับคำปรึกษาการใช้งานระบบ FoodStory POS และ Wongnai POS ได้ที่นี่เลย! 


FoodStory

FoodStory POS ร้านอาหารที่ดี ต้องมีระบบที่ดีไปพร้อมกัน

ทดลองใช้ระบบฟรี คลิก!

คลิกเพื่อโทรติดต่อฝ่ายขาย

LINE: https://lin.ee/zAdDsCr