ยุคนี้ทำงานประจำอย่างเดียวอาจยังสร้างรายได้ให้มั่นคงไม่ได้ ทำให้หลาย ๆ คนที่อยากเพิ่มเงินเก็บในบัญชี หรือหาเงินสำรองตุนไว้ยามฉุกเฉินเริ่มหันมามองหา “อาชีพเสริม” เพื่อต่อยอดเงินให้งอกเงยขึ้นจากการทำธุรกิจเสริม และช่วยเพิ่มรายได้งานจากประจำ สำหรับใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือน พนักงานออฟฟิศ หรือเป็นพนักงานประจำอยู่ แต่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง วันนี้เรามี แฟรนไชส์ร้านอาหารน่าลงทุน ช่วยสร้างกำไรได้ง่าย ๆ มาฝากกัน!
เจาะลึก 7 แฟรนไชส์ร้านอาหารน่าลงทุน
เพิ่มรายได้จากงานประจำ!
ทำไมต้องเป็นแฟรนไชส์ร้านอาหาร? เพราะถ้าหากคุณเป็นพนักงานประจำที่ต้องเข้างานเป็นเวลาและไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในร้านเองได้คนเดียว การเลือกซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารที่มีอยู่แล้วก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะทางแบรนด์หลักจะคิดทุกอย่างที่จำเป็นมาให้คุณแล้ว ทั้งเรื่องอุปกรณ์ วัตถุดิบ แผนธุรกิจการตลาดต่าง ๆ สูตรอาหาร และฐานลูกค้าเดิมของแบรนด์ ทำให้คุณสามารถเปิดร้านได้เร็วขึ้นและลดขั้นตอนในส่วนของการเตรียมตัวเปิดร้านไปได้เยอะเลยนั่นเอง
1 | แฟรนไชส์ชานม
แฟรนไชส์ร้านอาหารที่ลงทุนน้อย แต่คืนทุนไว ก็คงต้องมี แฟรนไชส์ชานม ติดโผอย่างแน่นอน! เนื่องจากในปัจจุบันชานมไข่มุกได้กลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ตีตลาดและครองใจลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นที่มีรสชาตินุ่มนวล แถมยังชวนให้สดชื่น ดังนั้นธุรกิจที่เกี่ยวกับชานมนั้นจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับแพ็คเกจการลงทุนแฟรนไชส์ชานมมีเรทราคาให้เลือกตั้งแต่ 1x,xxx.- ปลาย ๆ สำหรับแบรนด์ทั่วไปที่มีราคาเริ่มต้นแก้วละหลักสิบต้น ๆ ไปจนถึงหลัก 3xx,xxx.- (ไม่รวมค่าธรรมเนียมรายปี) ที่ราคาต่อแก้วอยู่ที่หลักร้อยขึ้นไป โดยส่วนใหญ่แฟรนไชส์ร้านชานมเหล่านี้จะมาพร้อมอุปกรณ์เบื้องต้นในการเปิดร้าน เช่น แก้ว รายการวัตถุดิบ เคาน์เตอร์พร้อมตกแต่ง รวมถึงมีสูตรสอนแต่ละเมนู ซึ่งของแถมที่นักลงทุนจะได้รับ จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแบรนด์แฟรนไส์ชานมที่เราสนใจ ดังนั้นควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2 | แฟรนไชส์สเต็ก
ในยุคที่ต้องประหยัดมากขึ้น อีกหนึ่งแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ทำกำไรได้ดีคือ แฟรนไชส์สเต็ก นี่ล่ะ! ยิ่งเป็นแฟรนไชส์สเต็กริมทาง ยิ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาอาหารจานเดียวรับประทานในชีวิตประจำวัน เพราะราคาไม่แพง แถมยังหาทานง่าย (ขับรถผ่านได้กลิ่นหอม ๆ ก็อยากจอดแวะทานกันแล้ว) สำหรับใครที่อยากมีร้านแฟรนไชส์สเต็กเป็นของตัวเอง ต้องเตรียมเงินลงทุนขั้นต่ำประมาณ 1x,xxx.- แต่ถ้าอยากได้แฟรนไชส์สเต็กที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นก็อาจจะต้องเพิ่มงบลงทุนขึ้นมาตามความฮอตฮิตในตลาด ซึ่งแพ็คเกจสูงสุดของแฟรนไชส์สเต็กมีถึงหลัก 1,xxx,xxx.- กันเลยทีเดียว ดังนั้นลองศึกษาทำเลที่เราสะดวก และกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการก่อนว่ามีพฤติกรรมการบริโภคแบบไหน และแฟรนไชส์ร้านไหนที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนั้นได้
3 | แฟรนไชส์ไก่ทอด
ถ้าคุณกำลังมองหาแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ลงทุนน้อย ทำกำไรงาม แฟรนไชส์ไก่ทอด ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจและทำได้ง่ายสุด ๆ เพราะขั้นตอนการเตียมตัวในแต่ละวันมีไม่มาก เพียงแค่หมักแล้วทอดร้อน ๆ ราดซอสฉ่ำ ๆ ก็ทำให้ดูน่ากินขึ้นมาได้ในทันตา สำหรับการเตรียมงบประมาณในการลงทุนกับแฟรนไชส์ไก่ทอด ก็มีเริ่มต้นตั้งแต่ 5,xxx.- ไปจนถึง 1xx,xxx.- ซึ่งเป็นแพคเกจที่มาพร้อมสูตรต้นฉบับของทางแบรนด์ รวมถึงอาจมีการฝึกอบรมพนักงาน เทคนิคการเปิดร้าน การพัฒนาสินค้า และการส่งเสริมการตลาดให้เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ ขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละแบรนด์นั่นเอง ซึ่งตลาดผู้บริโภคของไก่ทอดก็มีมากมายหลายสไตล์ตั้งแต่แบบไทย เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกัน ดังนั้นชอบแบบไหนก็เลือกจัดได้ตามใจชอบเลย รับรองว่าถ้ามีระบบบริหารจัดการหลังบ้านดี ๆ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอน
4 | แฟรนไชส์ลูกชิ้น
ใครบอกว่าลูกชิ้นแบบไหนก็เหมือน ๆ กัน แต่เราขอบอกว่าไม่จริง เพราะไม่ว่าจะลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง หรือลูกชิ้นอื่น ๆ ก็จะมีสูตรลับเฉพาะของแต่ละแบรนด์แฟรนไชส์ที่ไม่เหมือนกัน สำหรับใครที่ต้องการลงทุนกับ แฟรนไชส์ลูกชิ้น สักแบรนด์ก็จะต้องมีงบเริ่มต้นตั้งแต่ 1,xxx.- ไปจนถึง 3x,xxx.- แต่ข้อดีของแฟรนไชส์ลูกชิ้นคือไม่จำเป็นต้องลงทุนทั้งร้านเสมอไป เพราะบางแฟรนไชส์ก็ลงทุนให้ฟรี เพียงแต่ซื้อวัตถุดิบจากผู้ขายแฟรนไชส์เท่านั้น ตอบโจทย์คนที่อยากมีรายได้เสริมแต่ยังไม่อยากลงทุนเยอะ ก็ค่อย ๆ ปรับเพิ่มจำนวนวัตุดิบที่ขาย ให้สัมพันธ์กับเวลา แรงงาน และลูกค้าที่เข้ามา ยิ่งถ้าได้ทำเลใกล้ที่ทำงานหรือชุมชน ถ้าเอาระบบ CRM เข้ามาประยุกต์ใช้กับร้านด้วย รับรองว่ามีลูกค้าประจำติดตรึมแน่นอน
5 | แฟรนไชส์หมูกระทะ
หมูกระทะกับคนไทยเป็นของคู่กัน! ไม่ว่าจะตั้งอยู่ตรงโซนไหน ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนกันอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าได้ทำเลอย่างแถวโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ก็จะยิ่งได้ลูกค้าขาประจำอย่างน้อย 4 ปีอย่างแน่นอน สำหรับใครที่อยากลงทุนกับ แฟรนไชส์หมูกระทะ เนื้อกระทะ หรือ ซีฟู๊ดทะเลเผา FoodStory มีข้อแนะนำว่าในปัจจุบันมีทั้งแฟรนไชส์หมูกระทะแบบนั่งกินที่ร้าน (บุฟเฟ่ต์ / เซ็ต) แฟรนไชส์หมูกระทะแบบชั่งกิโล และแฟรนไชน์หมูกระทะแบบวิ่งส่งตามบ้าน ขึ้นอยู่กับว่าเราสะดวกลงทุนแบบไหนหรือมีข้อจำกัดอะไรบ้าง หรืออาจจะค่อย ๆ ขยับขยายไปทีละนิด เริ่มจากการไม่กี่โต๊ะหรือแบบเดลิเวอรี่อย่างเดียวก่อน โดยเงินทุนในแฟรนไชส์หมูกระทะจะเริ่มตั้งแต่ 9,xxx.- ไปจนถึง 2xx,xxx.- ขึ้นไป ซึ่งปกติก็จะมาพร้อมกับอุปกรณ์เริ่มต้นและซัพพลายเออร์วัตถุดิบเพื่อควบคุมคุณภาพของอาหารนั่นเอง
6 | แฟรนไชส์พิซซ่า
เดิมทีแฟรนไชส์ร้านอาหารอิตาเลียนอย่างฟิซซ่ามักจะตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือร้านอาหารหรู ๆ แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการขยับขยายออกมาจำหน่ายแบบทั่วไปมากขึ้น ทั้งตามตลาดนัด ฟู้ดทรัค ฟู้ดคอร์ท หรือแม้แต่ในเดลิเวอรี่ ทำให้ แฟรนไชส์พิซซ่า กลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าลงทุน เพราะจากที่ลูกค้าต้องเดินทางไกลเพื่อไปรับประทานพิซซ่าในห้าง ก็สามารถหาทานได้ง่าย ๆ ใกล้บ้านแล้ว สำหรับใครที่อยากลงทุนกับแฟรนไชส์พิซซ่า ควรเตรียมงบประมาณเอาไว้ตั้งแต่ 5,xxx.- ไปจนถึง 1xx,xxx.- ซึ่งราคานี้ได้รวมทั้งอุปกรณ์เบื้องต้น สูตรเฉพาะของแบรนด์ และเคาน์เตอร์ร้าน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแบรนด์) ซึ่งบางแฟรนไชส์ก็มีการประยุกต์ให้สามารถใช้กับเตาอบแบบบ้าน ๆ หม้อทอดลมร้อน หรือหม้อแรงดันได้โดยไม่ต้องใช้เตาฟืนอีกต่อไป ซึ่งก็จะยิ่งเหมาะกับคนที่มีพื้นที่และเงินลงทุนที่จำกัด
7 | แฟรนไชส์เบอร์เกอร์
เบอร์เกอร์เป็นอาหารที่ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้พบไในระบบแฟรนไชส์ด้บ่อย ๆ ถ้าเทียบกับแฟรนไชส์ประเภทอื่น ๆ ดังนั้นถ้าใครอยากลงทุนกับแฟรนไชส์ร้านอาหารที่คู่แข่งยังน้อย ขายง่าย กำไรดี เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้า เราแนะนำให้เปิด แฟรนไชส์เบอร์เกอร์ เพราะนอกจากจะทำไม่ยาก วัตถุดิบส่วนใหญ่สามารถแช่แข็งเก็บไว้ได้นาน ลูกค้าก็ทานง่าย อิ่มอร่อย อยู่ท้อง แล้วยังถ่ายรูปสวยอีกด้วย โดยพนักงานเงินเดือนที่มีเวลาน้อยอาจจะเริ่มจากร้านแฟรนไชส์ที่เป็น FoodTruck หรือ Stand Alone ก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นร้านนั่งทานในอนาคต โดยงบประมาณลงทุนเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 1x,xxx.- ไปจนถึง 7x,xxx.- ขึ้นไป แล้วแต่ขนาดของแฟรนไชส์ที่เราสนใจ
FoodStory POS ระบบบริหารจัดการ แฟรนไชส์ร้านอาหาร
สำหรับพนักงานประจำคนไหนที่อยากเปิดแฟรนไชส์ร้านอาหาร อย่าลืมวางระบบบริหารจัดการสต๊อกวัตถุดิบเพื่อให้เหลือทิ้งน้อยที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยคุณสามารถเลือกใช้ตัวช่วยอย่าง FoodStory POS ที่มีฟีเจอร์ช่วยจัดการสต๊อกสินค้าอย่าง Sales Report แบบเรียลไทม์ผ่านทางออนไลน์ ที่สามารถรายงานยอดขายอย่างละเอียด อะไรที่ขายดี อะไรที่ต้องปรับเปลี่ยน ช่วยให้คุณคำนวนได้ว่าต้องสั่งวัตถุดิบมาเท่าไหร่ถึงจะพอดี หรือวัตถุดิบไหนเหลือเยอะก็อาจจะจัดโปรโมชั่นระบายของก่อนหมดอายุ เพื่อพัฒนาและสร้างยอดขายได้ตรงตามเป้าหมายกันต่อไป รวมถึงยังสามารถดึงข้อมูล “รายงานภาษี” เพื่อนำส่งสรรพากรได้ทันที ตอบโจทย์พนักงานเงินเดือนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์แต่กลัวว่าไม่มีเวลาดูแลร้านอย่างเต้มที่ เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็สามารถรู้ทุกความเคลื่อนไหวของร้านอาหารได้ทันที
FoodStory POS
ร้านอาหารที่ดี ต้องมีระบบที่ดีไปพร้อมกัน
ทดลองใช้ระบบฟรี: คลิกที่นี่เลย!
โทร: 065-513-7744 กด 1
LINE: https://lin.ee/zAdDsCr