fbpx Skip to content
Good Food Good Story Talk “ปลดล็อคขีดจำกัด Street Food”

Good Food Good Story Talk “ปลดล็อคขีดจำกัด Street Food”

อีเวนท์ Talk Show ที่บริษัท Living Mobile หรือ FoodStory จัดทำขึ้น เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ได้นำพิธีกร ITAN – แทนไร้เทียมทาน และเจ้าของร้าน-เชฟจากร้านอาหาร Street Food ชื่อดัง ไทกิ-รัตนพงศ์ ซูโบต้า ร้าน Homeburg, ยีสต์ – นกุล กวินรัตน์ ร้าน คอหมูพระราม 5, แรนดี้ – ชัยชัช นพประภา ร้าน 100 Mahaseth มาแลกเปลี่ยนมุมมองและแนวคิดริเริ่มในการทำร้านอาหาร แชร์ประสบการณ์ ปัญหาที่พวกเขาต้องฝ่าฟัน อะไรที่พวกเขายังขาดและต้องการ แนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงระบบที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการร้านอาหาร วิธีการจัดการกับวัตถุดิบ พร้อมเคล็ดลับที่นำมาเปิดเผยซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้แขกรับเชิญของเราก้าวสู่เส้นทางที่พวกเขาเลือกเดินจนประสบความสำเร็จในวันนี้

ช่วงโควิด 19 กลุ่มผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผลกระทบที่ร้านอาหารได้รับเป็นอย่างไร

เชฟแรนดี้ – “การปรับตัว” คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญเพราะพนักงานเยอะ ถ้าเราอยู่ได้ พนักงานก็ต้องอยู่ได้ด้วย

เพราะลูกค้าไม่สามารถมาทานอาหารที่ร้านได้ เราจึงจำเป็นต้อง “เปรียบตัวเองให้เหมือนลูกค้า เพื่อที่จะได้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร” ด้วย ในเรื่องของยุคโควิดทุกคนจะให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาด เราจึงมีการรายงานให้ลูกค้าทราบว่า ขั้นตอนการทำอาหารทั้งหมดใครเป็นคนทำให้ลูกค้าทาน และเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การทานอาหารจากที่บ้านให้เหมือนทานที่ร้านมากที่สุด

 

เชฟไทกิ – ผลกระทบที่ได้รับในช่วงโควิด 19 คือยอดขายที่หายไปกว่า 70% ทำให้เราต้องคิดค้นวิธีที่จะทำให้ร้านอาหารอยู่รอดได้มากที่สุด และเราได้ลองเพิ่มช่องทางในการขายเดลิเวอรี่ แต่ก็พบข้อเสียเช่นกัน ซึ่งก็คือเมื่อเบอร์เกอร์ถูกส่งไปที่บ้าน รสชาติจะจืดชืดไม่เหมือนทานที่ร้าน ทางร้านจึงมุ่งเน้นไปในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ โดยการเปลี่ยนวัสดุของกระดาษที่ใช้ห่อเบอร์เกอร์ และแก้ปัญหาโดยการส่งวัตถุดิบแบบ Box Set แทน เพราะลูกค้าจะได้เพลิดเพลินไปกับการทำอาหารเองด้วย

เชฟยีสต์ – ในช่วงห้ามนั่งทานที่ร้าน สองสามวันแรกเงียบมาก พอไม่มีลูกค้าทำให้พนักงานว่าง และมีเวลาเยอะขึ้น จึงต้องปรับตัวและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยการปรับเปลี่ยนหน้าที่ของพนักงาน อย่างเช่น จากพนักงานล้างจานก็มาช่วยแพ็คอาหารเพื่อส่งเดลิเวอรี่ นอกจากนี้ยังมีการถนอมอายุของอาหารโดยใช้เครื่อง Vacuum สูญญากาศ ดูดอากาศออกก่อนเพื่อเก็บรักษาอาหารได้นานยิ่งขึ้น ส่วนอีกปัญหาที่เจอ ก็คือโดนเก็บค่า GP จากบริการเดลิเวอรี่ที่ค่อนข้างสูง

1. จุดเริ่มต้นของการปลดล็อคขีดจำกัด Street Food

เชฟแรนดี้ – การเริ่มต้นมาทำร้านอาหาร Street Food เริ่มจากความชอบจากสิ่งที่เราทำ เช่น ส้มตำ อาหารอีสาน หมูย่าง เนื้อย่าง และอยากให้คนกรุงได้มาทานอาหารท้องถิ่น จากแต่ละภาค แต่ละตำบล  ของแต่ละจังหวัด โดยใช้วัตถุดิบที่ดี knowledge ที่ดีของเรา ทำออกมาเป็นอาหารที่ทันสมัย และเพิ่มมูลค่าให้อาหาร Street Food เป็น Fine Dining

จุดเริ่มต้นของการปลดล็อคขีดจำกัด Street Food

เชฟยีสต์ – เนื่องจากเคยเป็นเชฟร้านอาหารหรูหรา ระดับมิชลิน แล้วเรารู้สึกว่ามันอึดอัด มันได้แค่ความสวยงาม เลยอยากทำอะไรที่คนเข้าถึงง่าย เพราะเราเคยคิดว่าคนรุ่นใหม่ชอบเดินไปข้างหน้า ชอบทำอะไรที่แปลกใหม่ แต่เราเดินถอยหลังบ้างดีกว่า ทำอะไรที่มันง่าย ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนเราไปกินข้าวแกงข้างทาง เราเลยเลือกมาเปิดเป็นร้านคอหมูพระราม 5 ที่ใครๆ ก็มาทานได้

เชฟไทกิ – โดยตอนแรกเราเริ่มต้นจากการเปิดร้านกาแฟก่อน แต่เราเป็นคนที่ชอบทานเบอร์เกอร์อยู่แล้ว เลยตระเวนทานเบอเกอร์ทั่วกรุงเทพ เลยเปลี่ยนมาทำร้านเบอร์เกอร์ และใช้สถานที่ร้านเดิม โดยทั้งร้านมีทั้งหมด 4 ที่นั่ง ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร้านของเราจองยาก ยอดขายต่อวันของ Homeburg อยู่ที่ 4 ชิ้น ต่อวัน และให้ลูกค้าเป็นคนเลือกเองว่าจะจ่ายราคาไหน แต่เราทำเพื่อเก็บ feedback เพื่อเก็บข้อมูลมาทำเป็นร้าน Bun Meat and Cheese

2. POS มีส่วนช่วยยังไงในการทำร้านอาหาร

เชฟแรนดี้ – POS สำคัญมากในเรื่องของการดีไซน์เมนู การคำนวณแต่ละเมนูว่าใช้อะไรไปเท่าไหร่ ใช้อะไรไปบ้างเรารู้หมด

เชฟยีสต์ –  POS มีระบบออเดอร์ คิดเงิน report สถิติต่างๆ ที่บางทีผู้ประกอบการอาจมองข้ามไป การออกแบบเมนู รู้ว่าเมนูไหนขายดี เมนูไหนขายไม่ดี ช่วยลดเวลาการทำงานในช่วง rush hour ได้ดี

เชฟไทกิ – มีระบบ POS เพื่อมาใช้คำนวณต้นทุน และจำนวนของวัตถุดิบทั้งหมด เราใช้คำนวณแม้กระทั่ง ซอสว่าใช้กี่กรัม ส่วนผสมแต่ละส่วนใช้อย่างละเท่าไหร่

3. มีวิธีการเลือกวัตถุดิบอย่างไร

เชฟไทกิ – ในการทำเบอร์เกอร์แน่นอนว่า เนื้อต้องเป็นส่วนสำคัญที่เราให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ อย่างเช่นเนื้อวัว โดยวัวแต่ละพันธ์ texture กลิ่น รสชาติ มันไม่เหมือนกันเลย เราเลยต้องเริ่มต้นจากความชอบว่าเราชอบแบบไหน ในส่วนของการ ช่าง ตวง วัด ก็สำคัญมาก เราจะคิดแม้กระทั่ง เนื้อหนึ่งชิ้นต้องมีเนื้อแดง 70% ไขมัน 30% โดยเลือกแต่ละส่วนของเนื้อที่แตกต่างกัน

เชฟยีสต์ – ในการเลือกวัตถุดิบมาทำอาหาร วัตถุดิบต้อง สด สะอาด คุณภาพดี และควรมี Supplier หลายเจ้า เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพ โดยต้องคำนึงถึงการส่งของตรงเวลา คุณภาพดี รอไม่นาน

เชฟแรนดี้ – ที่ร้าน 100 Mahaseth จะมีสโลแกนว่า “Root to Fruit Nose to Tail” การเคารพวัตถุดิบ การถนอมอาหาร เราไม่ได้เป็นแค่ผู้สร้าง แต่เราเป็นผู้รักษามันด้วย” โดยเราจะใช้วัตถุดิบให้ได้ครบทุกส่วนมากที่สุด เพื่อที่จะได้ลด waste ให้ได้มากที่สุด เช่นมะนาวหนึ่งลูก สามารถมาปรุงรสชาติอาหาร เปลือกนำมาเพิ่มกลิ่น เมื่อใช้เสร็จสามารถนำมาทำน้ำยาล้างจานได้ด้วย และเราจะพูดถึงคำว่าโอกาส โอกาสที่หนึ่งคือการเปิดกว้างในการเลือกใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย แปลกใหม่  โอกาสที่สองคือการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ จากเกษตรกร เพราะสินค้าไทยและวัตถุดิบของคนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก นอกจากนี้ที่ร้านใช้น้ำปลามากกว่า 5 ชนิด ทั้งทำเองด้วย เพื่ออุดหนุนวัตถุดิบให้กับเจ้าเล็กๆ ด้วย

POS มีส่วนช่วยยังไงในการทำร้านอาหาร

4. ข้อจำกัดของ Street Food ในเมืองไทย

เชฟยีสต์ – คนให้ค่า ตีราคาของอาหารของ Street Food ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ บางคนอาจจะคิดว่าอาหาร Street Food ต้องไม่เกิน 50 – 60 บาท

เชฟแรนดี้ – คนอาจจะคิดว่า Street Food ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูง เพราะอาจจะเป็นภาพชินตาว่าต้องเป็นร้านอาหารข้างทาง ไม่มีมาตรฐานเรื่องความสะอาด

เชฟไทกิ – Food Appreciation การให้ค่าอาหาร คนส่วนใหญ่มองว่าอาหารให้แค่ความอิ่มเท่านั้น แต่ความจริงแล้วอาหารสามารถให้ความสุขได้ด้วย คนส่วนใหญ่เลยอาจจะไม่ให้ค่ากับอาหาร Street Food เท่าไหร่นัก

ไอแทน – คนไทยเวลากินพาสต้าจานละ 400 สามารถกินได้ แต่เวลากินผัดไทยจานละ 200 บาท รู้สึกแพง ไม่อยากกิน

ข้อจำกัดของ Street Food ในเมืองไทย

5. มีแนวคิดที่จะพัฒนา Street Food อย่างไร

เชฟยีสต์ – ปัจจัยหลักของเราพัฒนา Street Food เลยก็คือการรักษาความสะอาด ถูกสุขลักษณะอนามัย อาหารไม่มีแมลงวันตอม ถ้าทำได้มันจะดีขึ้นเอง

เชฟไทกิ – เรื่องสุขอนามัยของแม่ค้าที่ขายอาหารข้างทาง บางทีอาจจะมีการปนเปื้อนด้วย อยากให้ระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับตรงนี้ด้วย เพราะช่วงหลังๆ ผู้บริโภคมีความเข้าใจเรื่องอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประกอบการควรควบคุมมาตรฐาน และรักษาความสะอาด

เชฟแรนดี้ – ประเทศไทยเป็นประเทศที่โดดเด่นในเรื่องของ Street Food อันดับต้นๆ ของโลก

เราควรที่จะรักษามาตรฐาน สะอาด ถ้าเราทำได้เราจะสามารถพัฒนา และเพิ่มระดับของ Street Food ให้ได้มาตรฐาน

ช่วง Q&A

  1. วิธีการเลือกที่ตั้งของร้าน และสู้กับค่าเช่าร้านยังไง

เชฟแรนดี้ – ผมจะเลือกใน Area ที่ตรงกับสิ่งที่เราจะขาย และราคาค่าเช่าให้มาดูกับราคาสิ่งที่เราจะขาย ผมยอมกัดฟันเปิดที่หลังสวนเพราะอยู่ที่ใจกลางกรุงเทพ แลกกับชื่อเราขึ้นไปอยู่ในสื่อทุกสื่อ

เชฟยีสต์ – เลือกจาก Location ที่ใกล้บ้าน และเราสะดวกเดินทางด้วย

เชฟไทกิ – ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าอาหารของเราเหมาะกับใคร ต้องเลือกสถานที่ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของเรา ช่วงอายุ และกำลังจ่ายของลูกค้า แล้วค่อยมาดูที่ค่าเช่า ต่อมาทำการบ้านกับราคาสินค้าเรา จะต้องขายกี่ชิ้นเพื่อที่จะจ่ายทีมงานของเราทุกคน และทำเท่าไหร่ถึงจะได้กำไร เพื่อที่จะเห็นภาพรวมในความคุ้มของการลงทุน

ไอแทน – หนึ่งจะขายอะไร สองจะขายใคร คนที่อยากขายของประเภทนี้ อยู่ที่โซนไหน ต้องดูที่คู่แข่งด้วย เลือก Location ที่ร้านประเภทนั้นยังไม่มี

  1. การตั้งราคาขาย ร้าน Street food เราติดปัญหาที่ตั้งราคาที่สูงขึ้นไม่ได้ เรื่องการใช้วัตถุดิบที่ดีขึ้นเพื่ออัพราคาขึ้น เราจะขึ้นราคาขายไปได้ยังไง

เชฟแรนดี้ – ก่อนที่เราจะตั้งราคาขาย เราต้องมั่นใจของๆ เราก่อน ราคาอาจจะขึ้น โดยสิ่งที่สำคัญสำหรับผมคือ การไม่โกงผู้บริโภค ความจริงใจ เราตั้งไว้อย่างแรก

ไอแทน – การสร้างเรื่องราว เป็นส่วนนึงในการตั้งราคา

เชฟไทกิ – ผมคิดว่า Story เป็นสิ่งที่ลูกค้าพูดเอง แต่เวลาเราทำอาหารเราก็พูดของเราไปเรื่อยๆ มันคือความจริง มันคือสิ่งที่เราทำมาตลอด เราต้องคิดเสมอว่า วัตถุดิบ Premium ร้านเราต้องการรึเปล่า แล้วกลุ่มลูกค้าเรามีกำลังจ่ายมันหรือเปล่า

  1. ลูกค้าเรายังมองภาพร้านเราเป็นร้านกาแฟในร้านล้างรถ อยากจะขอคำแนะนำในการเปลี่ยนมุมมองลูกค้า

เชฟแรนดี้ – Consistency ความเสมอต้นเสมอปลาย ตั้งใจไว้ยังไง เจออุปสรรคอะไร ความเสมอต้นเสมอปลาย ไปให้สุดครับ แค่นั้นเอง อาจจะไม่เห็นภายในเร็วๆ นี้ แต่ยังไงถ้าของเราดีจริง ยังไงก็ต้องมีคนเห็นครับ

  1. ถามเชฟแรนดี้ว่ามีวิธีการทำการตลาดยังไง เพราะดูแลหลายร้านที่แตกต่างกัน

เชฟแรนดี้ – ผมยอมเปิด Fillet ที่หลังสวน เพราะผมอยากสร้างตัวเองให้เป็นที่รู้จักตรงนั้น ให้เหมือน ว่าเป็นแบรนด์ของเรา หลังจากที่เราสร้างจุดนั้นได้ พอเราเปิดที่ไหนสักที่นึง ทุกอย่างมันมาเองหมดเลย

FoodStory POS
  1. การเปิดร้านอาหารที่แตกต่างกัน จัดการร้านยังไง

เชฟแรนดี้ – จาก Concept หัวจรดหาง มันจะมีเนื้อบางส่วนที่ไม่สามารถทำสเต็กได้เลย เราก็สามารถเปิดร้านชาบูเพื่อมารองรับในส่วนนั้น ในการนำเนื้อส่วนนั้นมาใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้

  1. จากช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา ทำให้ความคิด หรือ concept เราเปลี่ยน ในการทำร้านอาหารของเราบ้างไหมครับ

เชฟแรนดี้ – เนื่องจากมีเรื่องความสะอาดที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เราต้องยอมใส่ถุงมือปั้นซูชิ เพื่อความสบายใจของลูกค้า และในเรื่องของฐานลูกค้า จากแต่ก่อน 80% ของลูกค้าเราเป็นนักท่องเที่ยว พอ Covid-19 ฐานลูกค้าเปลี่ยนเป็นคนไทย เราก็ต้องปรับเปลี่ยนรสชาติอาหาร ให้เข้ากับฐานลูกค้าเรา

เชฟไทกิ – เราเริ่มสื่อสารทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะการทำการตลาดออนไลน์ช่วยได้เยอะ และเป็นส่วนสำคัญให้การจัดการร้านในช่วง Covid-19

ไอแทน – เราเปลี่ยนในเรื่องของความคิด แต่ก่อนไม่มี POS อะไรต่างๆ อาจจะมองไม่ค่อยเห็นภาพ แต่พอเรามี POS มันช่วยได้มากในการศึกษาว่าที่ผ่านมาเราขายหมู เนื้อ ไก่ ไปเยอะขนาดไหน เราเอากลับมาลิสต์ดูว่า เมนูไหนมันขายได้ หรือขาย ไม่ได้เลยในช่วงที่ผ่านมา เราดูว่าเนื้อสัตว์ประเภทไหนเราขายได้เยอะ เรามาปรับให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการ

  1. ตอนนี้เราเห็นมุมมองที่เป็น Chef Owner แต่ถ้าเราเป็นผู้ประกอบการมุมมองจะแตกต่างกัน ยังไงบ้าง

เชฟแรนดี้ – ที่ชัดเจนที่สุดคือเรื่องของการสื่อสารระหว่างเรากับทีมงาน

เชฟยีสต์ – เรามองว่าการสื่อสารสำคัญมาก เรากับเชฟต้องเห็นภาพเดียวกัน ต้องเข้าใจตรงกัน ไม่ใช่ว่า โอเค จ้างมาทำงานกับเชฟปุ๊ป จะไปทำไรก็ทำ มันไม่ได้ สุดท้ายก็ไปคนละทาง สิ่งที่มันจะยกระดับขึ้นมา จะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย

เชฟไทกิ – การสื่อสารนอกร้านอาหารก็มีความสำคัญ การมีตัวตนในโลกออนไลน์ จะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกเชื่อใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ หรือ Chef Owner

  1. เราจะรักษาลูกค้าเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ไปเรื่อยๆ ได้ ต้องมีวิธีจัดการอย่างไรบ้าง

เชฟไทกิ – มาตรฐานถ้าไม่เท่าเดิมก็ต้องเพิ่มขึ้น เราสร้างความเป็น Hospitality ความเป็นเพื่อนกัน เหมือนไม่ได้เป็นลูกค้าและเจ้าของร้านที่มาทานแล้วกลับบ้าน เราสร้างความรู้สึกระหว่างทางให้มากกว่านั้น ทำให้เค้ามีความรู้สึกเชื่อมโยงกับร้านอาหาร หรือตัวเชฟคนๆ นั้นมากกว่า

เชฟแรนดี้ – สิ่งที่สำคัญเลยความใส่ใจ และให้ความสำคัญ การที่เราจำลูกค้าได้ทุกคน บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับเรา แต่มันก็เป็นความประทับใจสำหรับลูกค้า

เชฟยีสต์ – โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่กล้าคุย แต่ก็ต้องพยายามคุยกับลูกค้าให้มากขึ้น พยายามหาเมนูใหม่ๆ มาให้ลูกค้าเก่า เพื่อที่เค้าได้มีตัวเลือกที่หลากหลาย และไม่น่าเบื่อ

และทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่องราวที่ดีๆ และประสบการณ์ รวมถึงเคล็บลับในมุมมองต่างๆ ที่ทั้งเชฟ และพิธีกรมากประสบการณ์นำมาแชร์กันในงานอีเวนท์นี้ FoodStory ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและจัดทำโครงการดีๆ เหล่านี้ เรายังคงรวบความความรู้ ประสบการณ์ เกล็ดความรู้ต่างๆ ที่เราคิดว่าจะมีประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมโครงการของเรา และผู้อ่านเพื่อให้ยกระดับอาหารทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ รวมถึงอาหาร Street Food ให้คงคุณค่าเอาไว้ในหัวใจของลูกค้า และนักทานทุกคน

FoodStory POS ฟรี

FoodStory

ร้านอาหารที่ดี ต้องมีระบบที่ดีไปพร้อมกัน

✅ทดลองใช้ระบบฟรี: https://signup.foodstory.co/ref/blog-gfgs-foodstorytalk

โทร: 02-821-5665

LINE: https://lin.ee/zAdDsCr

https://www.foodstory.co