การตั้งราคาอาหาร
สำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่กำลังมีแพลนที่จะเปิดร้านอาหาร คงกำลังกังวลในหลาย ๆ เรื่องไม่น้อย ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้ง ที่ต้องหาในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ซึ่งนั้นก็แปลว่าค่าใช้จ่ายที่ตามมาคือค่าเช่าที่ ที่แพงกว่าปกติ พอได้ทำเลที่ตั้ง สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องนึกถึงต่อมาคือเรื่องเมนูที่ต้องคิดออกมาให้โดดเด่นกว่าร้านอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด และ การตั้งราคาอาหาร ก็ต้องไม่แพงมากเกินไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วร้านค้ามีการตั้งราคาขายโดยการนำต้นทุนบวกกำไรที่ต้องการจะได้เป็นราคาขายออกมา
ซึ่งถ้าราคาขายนี้สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นสามารถคำนวณแบบนี้ได้ แต่ในทางกลับกันถ้าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น จะต้องคำนวณราคาที่บวก Vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไป เพื่อจะได้นำส่งสรรพากร แล้วการคิดราคาแบบไหนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการมากที่สุด วันนี้ FoodStory POS จะมาพูดถึงการออกแบบราคา Include / Exclude Vat นั้นก็คือการรวมภาษีมูลค่าเพิ่มในราคาขายและไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มในราคาขาย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจ กับคำว่า Include / Exclude Vat กันก่อน ว่าราคา Include คือ การที่ร้านค้ารวม Vat หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) จำนวน 7% เข้ากับราคาขายเรียบร้อยแล้ว เช่น ราคาขาย 100 บาท ซึ่งนั่นก็แปลว่า ราคาสินค้าที่ยังไม่รวม VAT = 93.46 บาท VAT 7% (100 x 7/107) 6.54 บาท ส่วน 6.54 บาท ร้านจะต้องนำส่งสรรพากรสำหรับกิจการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น ส่วนราคา Exclude คือ การที่ร้านค้าไม่รวม Vat เข้ากับราคาขาย เช่น ราคาขาย 100 บาทพอรวม Vat แล้วก็จะเก็บกับลูกค้าที่ราคา 107 บาท เพื่อนำ 7 บาท ส่งสรรพากร
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ทั้ง 2 แบบนำส่งสรรพากรมีความแตกต่างกัน และถ้าพูดถึงการตั้งราคาแล้วนั้น สำหรับมุมมองของลูกค้าที่มองถึงกิจการที่มีความคล้ายคลึงกัน ราคาถือเป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะฉะนั้น การตั้งราคาอาหาร ของที่ร้านจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะถือว่าเป็นจุกที่กำหนดรายได้และกำไรโดยรวมของร้านได้เลยนั่นเอง
สรุปความแตกต่างของการตั้งราคาอาหาร ระหว่าง Excluding Vat กับ Including Vat
Vat คำนวณแยกกับราคาสินค้า (excluding vat) หมายถึง ราคาสินค้าที่แสดงไว้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ต้องจ่ายเงินเพิ่มตามภาษี vat จากป้าย
Vat คำนวณรวมกับราคาสินค้า (including vat) หมายถึง ราคาสินค้าที่แสดงไว้ได้บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไว้แล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มจากป้าย
ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถตั้งราคาได้ทั้งสองรูปแบบง่าย ๆ ผ่าน ระบบ POS ของ FoodStory ซึ่งระบบของเราก็สามารถคิดคำนวณราคาออกมาได้อย่างถูกต้อง และสามารถนำส่งสรรพากรได้ง่าย ๆ รวมถึงยังสามารถดึง รายงานการขาย อย่างละเอียดซึ่งคำนวนได้ทั้งต้นทุนและกำไร เพื่อนำไปประกอบการส่งรายได้ประจำปีและวางแผนคำนวนการเสียภาษี
นอกจากนี้ก็ยังมีเทคนิคการตั้งราคาอาหารอื่น ๆ อีกหลายวิธีที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย และจูงใจลูกค้าให้อยากซื้อมากยิ่งขึ้น เช่นการจัดเซ็ตอาหาร การ Add-on ท็อปปิ้ง การจับคู่ซื้อ การเพิ่มไซส์หรือขนาดอาหาร การซื้อจานที่สองในราคาประหยัด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในวิธีการที่ร้านอาหารชั้นนำใหญ่ ๆ เลือกใช้ในแต่ละแคมเปญ ซึ่งร้านอาหารหน้าใหม่จะทำแบบนี้ได้ก็จะต้องศึกษาข้อมูลของทั้งลูกค้า สต๊อกสินค้า ต้นทุนสินค้า และโครงสร้างราคาต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าเนื้อหรือขาดทุน FoodStory POS จึงมีฟีเจอร์ Master Data ที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกของทางร้านไว้ทั้งหมด ทำให้ง่ายต่อการเรียกดู และนำไปวิเคราะห์เพื่อจัดทำราคาและโปรโมชันต่าง ๆ ได้ รวมถึงเมื่อทำไปแล้วก็ยังเก็บข้อมูลเพื่อนำมาเปรียบเทียบผลลัพธ์ได้อีกด้วย ถือว่าตอบโจทย์ร้านอาหารใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีผู้ช่วยมากนัก สามารถทำเองได้ง่าย ๆ แค่มี iPad เครื่องเดียว
FoodStory POS: เพราะร้านอาหารที่ดี ต้องเริ่มต้นที่ระบบที่ดี
✅ ทดลองใช้ระบบฟรี: คลิกที่นี่เลย!
โทร: 065-513-7744 กด 1
LINE: https://lin.ee/zAdDsCr