FoodStory ทำงานอย่างไร ?

หลายท่านคงรู้แล้วว่า FoodStory คืออะไร? แต่มันทำงานอย่างไรล่ะ? สิ่งที่คุณจำเป้นต้องรู้เกี่ยวกับตัวระบบ หรือไขข้อข้องใจในด้านต่างๆ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงรายละเอียดนี้กันอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าที่มาที่ไปในการพัฒนาหรือข้อจำกัดต่างๆ รวมถึงรูปแบบการทำงานที่เป็นข้อมูลทางเทคนิค

1. ทำไมถึงเรียกว่า FoodStory Application

FoodStory ทำงานบน Platform หรือใช้งานบนระบบปฏิบัติการ iOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติงานบน iPad ซึ่งเป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนรู้จักกันในนามของ Apple ดังนั้นโปรแกรมหรือระบบที่อยู่บน Platform ดังกล่าวจึงถูกเรียกว่า Application ทั้งหมด รวมถึงพวกเกมที่หลายๆคนสามารถดาวน์โหลดและเล่นบน iPhone หรือ Smart Phone รุ่นอื่นๆก็ด้วยเช่นกัน

ระบบของเราทำงานหรือใช้งานได้ผ่าน iPad เท่านั้น โดยจะปัจจุบันรุ่น iPad ที่ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น

iPad Pro — 12นิ้ว
iPad Pro — 9.7นิ้ว
New iPad — 2017
iPad Air — gen 2
iPad mini — gen 4

หากถามว่า”จะสามารถใช้ iPad รุ่นที่เก่ากว่าได้มั้ย? “

คำตอบคือได้ แต่! ไม่แนะนำ เพราะว่า

iPad มีการพัฒนา iOS อยู่ทุกเวลา กล่าวคือ Apple จะไม่หยุดพัฒนาในด้านของ Code โปรแกรมทีใช้สำหรับ iPad รุ่นใหม่ๆและหยุดพัฒนา Code แต่สำหรับรุ่นเก่าๆไป โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการข้ามรุ่น iOS ประมาณปีละครั้ง ซึ่งต่างกับการ Update Version iOS ธรรมดาที่มีมาตลอดทุกเดือน ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ iPad รุ่นเก่าๆจะไม่รองรับ Code ตัวใหม่ๆที่มีการเปลี่ยนแปลงได้รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น เพราะ Foodstory ก็มีการอัพเดทหรือพัฒนาแอปพิเคชั่นอยู่ตลอดด้วยเหมือนกัน ทำให้การทำงานของ iPad หน้าร้านหรือประสิทธิภาพการใช้งานต่ำลง อาจเกิดปัญหาแอปหลุด ค้าง กระตุก หรือเด้งออกจนไม่สามารถทำงานภายในร้านได้

2. ทำไม FoodStory ถึงทำงานผ่านบน iPad เท่านั้น

‍ระบบปฏิบัติการดังกล่าวล้วนแล้วแต่ถูกพัฒนาและออกแบบมาอย่างสวยงาม มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงว่าระบบใดคือ “ระบบที่ดีที่สุด” ดังนั้น จึงแบ่งการเปรียบเทียบออกเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจและเลือกประเภทของการทำงานได้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการซื้อ

หากพูดถึงในด้านราคาและการใช้งาน

Apple ไม่ใช่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนราคาประหยัดแต่อย่างใด ทุกปี iPhone และ iPad ทุกรุ่น จะเปิดตัวด้วยราคาระดับสูงสุดในตลาดเสมอ ปี 2559 – iPhone 6s ราคาอยู่ที่ 650 เหรียญ (ประมาณ 24,000 บาท) iPhone 6 รุ่นปีที่แล้ว ราคาลดลงมา 100 เหรียญ (ประมาณ 3,500 บาท) ส่วน iPhone 5S รุ่นเมื่อสองปีที่แล้วก็ราคาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่สุดคือ ลดลงมาอีก 200 เหรียญ (ประมาณ 7,000 บาท) แต่ก็นับว่าแพงอยู่ดี แต่นั้นเพราะ iPhone มีการใช้ Hardware ในการผลิตซึ่งที่อยู่ในเกรด Premium กล่วคือหากเปรียบเทียบอายุการใช้งานและความทนทาน Android จะทุกรุ่นจะมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า iOS อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะในเรื่องของความทนทานต่อการใช้งานหรือทนต่อสภาะแวดล้อมด้วยเช่นกัน

ในด้านความปลอดภัย

เป็นปัญหาที่ต้องยอมรับว่า Android ไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการฟรี และถูกคุกคามได้โดยง่ายจากมัลแวร์ต่างที่เข้ามา จนผู้ผลิตมือถืออย่าง Samsung ต้องออกระบบป้องกัน Knox ออกมาเสริม ส่วน iOS ได้รับการยอมรับมานานแล้วเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ไม่ว่าจะเป็นไวรัสหรือ spam ที่แทบจะไม่เจอเลยบน Platform iOS

เหตุผลอีกประการคือ ” Platform “

Android นั้นมีหลากหลายรุ่นหลากหลายค่ายที่ผลิตอุปกรณ์ที่รองรับระบบนี้คือมา แต่ iOS นั้นมีผู้ผลิตเพียงเจ้าเดียวคือ Apple การเขียนโปรแกรมนั้นก็จะยากแตกต่างกันโดยที่หาก FoodStory ทำงานบน Android นั้นจะต้องเขียนโปรแกรมแยกกันถึงหลายร้อยรูปแบบเพื่อรองรับรุ่น Tablet ที่มีอยู่เกลื่อนกลาดในท้องตลาดโดยที่การ support ก็จะแตกต่างกันในกรณีทีมีปัญหาเกิดขึ้นจาก Tablet แต่ละรุ่น และ iOS ไม่ว่าจะเป็น iPad รุ่นไหนก็จะใช้ iOS รุ่นเดียวเหมือนกันหมดและง่ายในการจัดการในกรณีที่ต้อง Support ปัญหาการใช้งาน iPad ในปริมาณมาก

ด้วยระบบเราเป็น World Wide Platform ที่สามารถใช้ได้ในหลากหลายประเทศจึงจำเป็นต้องให้ทุกอย่างเป็นกลางและเป็นมาตรฐานที่สุด เพราะด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้ทำให้เราได้พัฒนาลง iPad เท่านั้น

3. การบันทึกข้อมูล

ระบบยุคเก่าอย่างเครื่องคิดเงินที่หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนหรือแมคโคร คุณจะต้องปวดหัวกับวิธีการใช้งานที่ยุ่งยากของมันแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการคีย์สินค้าลงเครื่องหรือการกดคิดเงิน ดีขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นเจ้าที่ให้บริการด้านร้านอาหารโดยเฉพาะซึ่งจะมีเรื่องของ Networking เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การทำงานหรือข้อมูลต่างๆเชื่อมต่อกัน แต่การใช้งานก็ยังยากอยู่เหมือนเดิม ต้องสูญเสียเวลาไปเท่าไหร่กับการเทรนคนใหม่มาใช่งานแทนคนเก่าที่ลาออกและจะแก้ไขข้อมูลทีต้องเรียกผู้ให้บริการมาทำให้ซึ่งก็ต้องเสียตัง รวมถึงค่า Maintenance รายปีที่แพงหูดับตับไหม้ยิ่งถ้าเป็นระดับองค์กรที่เป็นลูกค้า ซอฟแวร์ก็แทบจะไม่มีการพัฒนาขึ้นเลยในทุกๆปี

หลายท่านอาจจะรู้จักหลายๆระบบร้านอาหารที่เปิดให้บริการใหม่ในปัจจุบันแล้ว ต่างผุดขึ้นมามากมายและมีให้เลือกสรรหลากหลายรูปแบบแล้วแต่ความชอบของผู้ใช้บริการ แต่ระบบเหล่านั้นเป็นระบบ Online เก็บข้อมูลบน Cloud Stored ซึ่งจะต้องมี Internet เท่านั้น ในการใช้งานรวมถึงการทำอะไรต่างๆภายในระบบด้วยเช่นกัน

Cloud คือการทำงานร่วมกันของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก โดยแบ่งชั้นการประมวลผลออกจากชั้นเก็บข้อมูล ชั้นการประมวลผล (Computing layer) เป็นการร่วมกันทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก แม้มีเซิร์ฟเวอร์ใดเสียหาย ก็จะไม่มีผลกับการใช้งานของลูกค้า เพราะจะสวิทช์การทำงานไปยังเซิร์ฟเวอร์ตัวอื่นแทนโดยอัตโนมัติในทันที เว็บหรือเซิร์ฟเวอร์เสมือนของท่านจะทำงานประมวลผลในชั้นนี้ ซึ่งระบบจะแบ่งทรัพยากร CPU, Memory ให้ตามจำนวนที่ท่านใช้งาน และแยกทรัพยากรกับผู้อื่นอย่างชัดเจน พร้อม Firewall ป้องกันระบบของท่านจากผู้ใช้อื่น

ข้อเสียของระบบ Online คือ เมื่ออินเตอร์เน็ตคุณถูกตัดหรือฝนตกไฟดับร้านคุณจะทำอย่างไร การขายก็ต้องหยุดชะงักเพราะส่งอาหารเข้าครัวลำบาก การคิดเงินก็ต้องนั้งกดเครื่องคิดเลขแล้วทอนเงินลูกค้าโดยไม่มีใบเสร็จซึ่งเสียเวลาและไม่คุ้นชินเมื่อปรกติใช้ระบบช่วยอยู่ทุกวัน

FoodStory คือ Hybrid Platform เป็นการทำงานผสมผสานระหว่าง ออนไลน์ และ ออฟไลน์

FoodStory คือ Hybrid Platform เป็นการทำงานผสมผสานระหว่าง ออนไลน์ และ ออฟไลน์

ซึ่งเราได้ปฏิวัติการใช้งานให้เป็นมาตรฐานและสามารถเชื่อมั่นในระบบเราได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยุ่ในสถานการณ์แบบไหน เราเก็บหรือบันทึกข้อมูลต่างๆไว้บน Cloud และดึงลงมาเก็บไว้ที่เครื่องอีกส่วนเพื่อสามารถเรียกการใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโต๊ะหรือปิดโต๊ะ ชำระเงิน ก็สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าไฟดับหรืออินเตอร์เน็ตมีปัญหา

FoodStory ใช้บริการ Cloud อันดับหนึ่งของโลกนั้นคือ Amazon Cloud-Service (AWS) ซึ่งคุณสามารถมั่นใจความปลอดภัยได้ว่า ข้อมูลของคุณจะถูกเก้บเป็นความลับและไม่มีการสุญหายได้อย่างแน่นอน